บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พุทธศาสน์ - อนุศาสน์ 8

อนุศาสน์ 8 ประการของพระภิกษุ

อนุศาสน์ คือ คำสอนเบื้องต้นที่พระอุปัชฌาย์หรือกรรมวาจาจารย์บอกแก่ภิกษุผู้บวชใหม่ในเวลาอุปสมบท มี ๘ ข้อ แบ่งเป็น นิสัย ๔ และ อกรณียะ ๔

นิสัย ๔ คือปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต

๑. เที่ยวบิณฑบาต
ภิกษุในพุทธศาสนาไม่มีอาชีพอื่น แต่ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยโภชนะคือคำข้าวอันหาได้ด้วยปลีแข้ง ด้วยการรับอาหารจากชาวบ้านโดยกิริยาที่มิใช่โดยการออกปาก เรียกว่า การบิณฑบาต
ส่วนภัตที่ได้โดยวิธีอื่น เช่น ภัตถวายสงฆ์ ภัตเฉพาะสงฆ์ การนิมนต์ สลากภัต ภัตถวายในปักษ์ ภัตถวายในวันอุโบสถ ภัตถวายในวันปฏิบท เหล่านี้แม้นับว่าเป็นการเลี้ยงชีพสุจริต แต่ก็จัดว่าเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับพระภิกษุ

๒. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
ผ้าบังสุกุล คือ ผ้าที่ภิกษุเก็บเศษผ้าท่อนเล็กท่อนน้อยซึ่งตกอยู่ตามพื้นดิน เปื้อนผุ่นไม่สะอาด ไม่สวยไม่งาม โดยที่สุดแม้ผ้าที่เขาใช้ห่อศพตกอยู่ตามป่าช้า ภิกษุเก็บมาเย็บปะต่อกันเป็นผืน ซัก เย็บ ย้อมใช้เป็นจีวรสำหรับนุ่งห่ม
ส่วนผ้าจีวรที่มีค่า ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าแพร ผ้าที่ชาวบ้านถวาย แม้รับได้แต่ก็จัดเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับพระภิกษุ

๓. อยู่โคนต้นไม้ 
ภิกษุในพุทธศาสนาเป็นผู้สละบ้านเรือน ออกบวชแล้วเป็นผู้ไม่มีเรือน อาศัยอยู่ตามร่มไม้ ป่าเขา เงื้อมผา เถื่อนถ้ำ
กุฏิและวิหาร อาคารมีหลังคามุงที่ชาวบ้านมีศรัทธาสร้างถวายก็สามารถอยู่อาศัยได้ แต่นับเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับพระภิกษุ

๔. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า
ภิกษุในพุทธศาสนาฉันสมอและมะขามป้อมดองด้วยน้ำมูตรเน่าหรือน้ำปัสสาวะเป็นยา
ส่วนยาที่ผสมด้วยเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย จัดเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับภิกษุ

อกรณียะ ๔ คือกิจที่ภิกษุไม่ควรทำ

๑. เสพเมถุน 
ภิกษุไม่พึงเสพเมถุนธรรม ไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตหรือตายแล้ว ภิกษุเสพเมถุนจะขาดจากความเป็นภิกษุทันที เปรียบเหมือนคนถูกตัดศรีษะแม้จะนำศีรษะมาต่อเข้ากับร่างก็ไม่อาจมีชีวิตฟื้นขึ้นมาได้

๒. ลักขโมย 
ภิกษุไม่พึงถือเอาของที่เขาไม่ให้ มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป ในปัจจุบันบาทหนึ่งก็ดี เกินบาทหนึ่งก็ดี ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ เปรียบเหมือนใบไม้แก่เหลืองหลุดจากขั้วไม่อาจมีความเขียวสดได้อีก

๓. ฆ่าสัตว์
ภิกษุไม่พึงแกล้งพรากสัตว์จากชีวิต รวมทั้งทำครรภ์ให้ตกไป ด้วยตนเองก็ดี ด้วยการจ้างวานผู้อื่นก็ดี ด้วยการพรรณาคุณให้เขาทำก็ดี บังคับให้เขาทำก็ดี ใช้คาถาอาคมก็ดี หรือใช้อุบายอื่นๆ ก็ดี ทำแล้วขาดจากความเป็นพระภิกษุ

๔. พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน
ภิกษุไม่พึงอวดอุตริมนุสสธรรมอันไม่มีอยู่จริง คือ อวดคุณว่าตนมีฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ หรือมรรคผลใดๆ ทำแล้วขาดจากความเป็นภิกษุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น