อนุศาสน์
คือ
คำสอนเบื้องต้นที่พระอุปัชฌาย์หรือกรรมวาจาจารย์บอกแก่ภิกษุผู้บวชใหม่ในเวลาอุปสมบท
มี ๘ ข้อ แบ่งเป็น นิสัย ๔ และ อกรณียะ ๔
นิสัย
๔ คือปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต
๑.
เที่ยวบิณฑบาต
ภิกษุในพุทธศาสนาไม่มีอาชีพอื่น
แต่ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยโภชนะคือคำข้าวอันหาได้ด้วยปลีแข้ง
ด้วยการรับอาหารจากชาวบ้านโดยกิริยาที่มิใช่โดยการออกปาก เรียกว่า การบิณฑบาต
ส่วนภัตที่ได้โดยวิธีอื่น
เช่น ภัตถวายสงฆ์ ภัตเฉพาะสงฆ์ การนิมนต์ สลากภัต ภัตถวายในปักษ์
ภัตถวายในวันอุโบสถ ภัตถวายในวันปฏิบท เหล่านี้แม้นับว่าเป็นการเลี้ยงชีพสุจริต
แต่ก็จัดว่าเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับพระภิกษุ
๒.
นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
ผ้าบังสุกุล
คือ ผ้าที่ภิกษุเก็บเศษผ้าท่อนเล็กท่อนน้อยซึ่งตกอยู่ตามพื้นดิน
เปื้อนผุ่นไม่สะอาด ไม่สวยไม่งาม โดยที่สุดแม้ผ้าที่เขาใช้ห่อศพตกอยู่ตามป่าช้า
ภิกษุเก็บมาเย็บปะต่อกันเป็นผืน ซัก เย็บ ย้อมใช้เป็นจีวรสำหรับนุ่งห่ม
ส่วนผ้าจีวรที่มีค่า
ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าแพร ผ้าที่ชาวบ้านถวาย
แม้รับได้แต่ก็จัดเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับพระภิกษุ
๓. อยู่โคนต้นไม้
ภิกษุในพุทธศาสนาเป็นผู้สละบ้านเรือน
ออกบวชแล้วเป็นผู้ไม่มีเรือน อาศัยอยู่ตามร่มไม้ ป่าเขา เงื้อมผา เถื่อนถ้ำ
กุฏิและวิหาร
อาคารมีหลังคามุงที่ชาวบ้านมีศรัทธาสร้างถวายก็สามารถอยู่อาศัยได้
แต่นับเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับพระภิกษุ
๔.
ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า
ภิกษุในพุทธศาสนาฉันสมอและมะขามป้อมดองด้วยน้ำมูตรเน่าหรือน้ำปัสสาวะเป็นยา
ส่วนยาที่ผสมด้วยเนยใส
เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย จัดเป็นลาภเหลือเฟือสำหรับภิกษุ
อกรณียะ
๔ คือกิจที่ภิกษุไม่ควรทำ
๑. เสพเมถุน
ภิกษุไม่พึงเสพเมถุนธรรม
ไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตหรือตายแล้ว
ภิกษุเสพเมถุนจะขาดจากความเป็นภิกษุทันที
เปรียบเหมือนคนถูกตัดศรีษะแม้จะนำศีรษะมาต่อเข้ากับร่างก็ไม่อาจมีชีวิตฟื้นขึ้นมาได้
๒. ลักขโมย
ภิกษุไม่พึงถือเอาของที่เขาไม่ให้
มีราคาตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป ในปัจจุบันบาทหนึ่งก็ดี เกินบาทหนึ่งก็ดี
ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ
เปรียบเหมือนใบไม้แก่เหลืองหลุดจากขั้วไม่อาจมีความเขียวสดได้อีก
๓.
ฆ่าสัตว์
ภิกษุไม่พึงแกล้งพรากสัตว์จากชีวิต
รวมทั้งทำครรภ์ให้ตกไป ด้วยตนเองก็ดี ด้วยการจ้างวานผู้อื่นก็ดี
ด้วยการพรรณาคุณให้เขาทำก็ดี บังคับให้เขาทำก็ดี ใช้คาถาอาคมก็ดี
หรือใช้อุบายอื่นๆ ก็ดี ทำแล้วขาดจากความเป็นพระภิกษุ
๔.
พูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน
ภิกษุไม่พึงอวดอุตริมนุสสธรรมอันไม่มีอยู่จริง
คือ อวดคุณว่าตนมีฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ หรือมรรคผลใดๆ
ทำแล้วขาดจากความเป็นภิกษุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น